ราคารางน้ำฝนและคุณสมบัติที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้
ติดกันสาดพร้อมรางน้ำฝนควรเลือกติดที่จุดไหนเป็นสำคัญ
ติดกันสาดให้กับลานซักล้าง หรือต่อเติมหลังบ้านเป็นครัวไทย เป็นที่นิยมกับบ้านในโครงการจัดสรรที่มีพื้นที่จำกัดทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย สิ่งที่สำคัญกับการติดกันสาดให้กับบริเวณดังกล่าว กันสาดเซ็นเตอร์แนะนำว่าควรติดรางน้ำฝนพร้อมกันสาดควบคู่กันตั้งแต่แรก เพราะจะช่วยให้ประหยัดเวลา และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งได้ดีกว่ามาติดเพิ่มเติมภายหลัง การติดรางน้ำฝนจะช่วยควบคุมทิศทางการไหลของน้ำไม่สร้างความเสียหาย เลอะเทอะกับพื้นที่โดยรอบหรือไหลเข้าสู่เขตเพื่อนบ้าน
วัสดุรางน้ำฝนมีให้เลือกหลากหลาย ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และอายุการใช้งาน ดังนี้
ประเภทวัสดุ | อายุการใช้งาน | ข้อดี | ราคาเฉลี่ยต่อ 1 เมตร (ไม่รวมค่าแรงติดตั้ง) |
สังกะสี | 5 ปี | ราคาถูก | 300 บาท |
ไวนิล | 10 ปี | ไม่เป็นสนิม, สวยเหมือนบัวประดับ | 400 บาทขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับสี) |
ไฟเบอร์กลาส | 20 ปี | ไม่เป็นสนิม, สวยเหมือนบัวประดับ | 700 บาท |
สแตนเลส | 20 ปี+ | ไม่เกิดสนิม อายุใช้งานนาน | 900 บาท |
รางน้ำฝน ควรเลือกวัสดุที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 10-15 ปี รางน้ำฝนไวนิลเป็นวัสดุที่ช่างกันสาดนิยมเลือกติดให้กับเจ้าของบ้าน ด้วยเหตุผลราคาไม่สูงหาซื้อได้ง่าย เฉลี่ยเมตรละ 1,000 – 1,400 บาท เป็นราคาติดตั้งรวมค่าแรงและอุปกรณ์ครบ (ราคาขึ้นอยู่กับสีและยี่ห้อ)
Tips : ติดตั้งกันสาดควรเลือกวัสดุที่มีคุณภาพอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 15 ปี และมีอุปกรณ์ติดตั้งที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ หมดปัญหาน้ำรั่วซึมตามรอยต่อแผ่น ซึ่งกันสาดดีไลท์ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญควรติดกันสาด Slope ไม่ต่ำกว่า 5 องศา หมดปัญหาน้ำระบายไม่ทันจนเอ่อล้นไหลย้อนกลับเข้าบ้าน